ชนิดของผ้ากันไฟหลักๆ ที่สคัญต่อการใช้งานชนิดของผ้ากันไฟหลักๆ ที่สำคัญต่อการใช้งานนั้น มีความหลากหลายและถูกออกแบบมาเพื่อรองรับคุณสมบัติการทนความร้อนและการป้องกันที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ชนิดของผ้ากันไฟหลักๆ ที่สำคัญต่อการใช้งาน
ผ้ากันไฟสามารถแบ่งออกเป็นชนิดหลักๆ ตามวัสดุเส้นใยและคุณสมบัติการใช้งาน ดังนี้:
1. ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric)
เป็นผ้ากันไฟที่นิยมใช้มากที่สุดในงานอุตสาหกรรมและงานป้องกันทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีและราคาที่สมเหตุสมผล
คุณสมบัติเด่น:
ทนอุณหภูมิได้ดี: โดยทั่วไปสามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 550°C และทนอุณหภูมิสูงสุดเป็นครั้งคราวได้ถึงประมาณ 850°C หรือสูงกว่า (ขึ้นอยู่กับเกรดและความหนาแน่น)
ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ: เป็นวัสดุอนินทรีย์ที่ไม่เป็นเชื้อเพลิง และไม่ก่อให้เกิดการลามไฟ
เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี: ไม่นำไฟฟ้า
ราคาคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
ข้อควรพิจารณา: ใยแก้วที่ไม่มีการเคลือบผิว อาจทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคืองต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจเมื่อสัมผัส (มีเส้นใยขนาดเล็ก)
การใช้งานทั่วไป:
ผ้ากันสะเก็ดไฟงานเชื่อม/เจียร: สำหรับงานเบาถึงปานกลาง
ม่านกันไฟ/ม่านกันความร้อน: ในพื้นที่ทั่วไป
ผ้าห่มกันไฟ (Fire Blanket): สำหรับดับไฟขนาดเล็กในครัวเรือน
วัสดุเสริมในงานฉนวน: ใช้เป็นผ้าคลุมฉนวน หรือเป็นส่วนประกอบของฉนวนแบบถอดได้
2. ผ้าใยแก้วเคลือบสาร (Coated Fiberglass Fabric)
เป็นการนำผ้าใยแก้วมาเคลือบด้วยสารต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติและลดข้อจำกัดของใยแก้วเปลือย
ชนิดและการใช้งาน:
ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Fiberglass):
คุณสมบัติเด่น: ผิวเรียบ, ลดการระคายเคือง, ทนทานต่อการเสียดสีและการฉีกขาดได้ดีขึ้น, กันน้ำ/น้ำมันได้, มีความยืดหยุ่นสูง
ข้อจำกัด: อุณหภูมิใช้งานสูงสุดถูกจำกัดด้วยสารเคลือบซิลิโคน ซึ่งมักจะอยู่ประมาณ 250°C - 550°C (ขึ้นอยู่กับชนิดของซิลิโคน)
การใช้งาน: ผ้ากันสะเก็ดไฟที่ต้องการความยืดหยุ่นและผิวเรียบ, ม่านกันความร้อน, ฉนวนแบบถอดได้, ผ้าคลุมอุปกรณ์
ผ้าใยแก้วเคลือบ PU (Polyurethane Coated Fiberglass) / อะคริลิค:
คุณสมบัติเด่น: มีความยืดหยุ่นสูงมาก, ทนทานต่อการเสียดสีได้ดีเยี่ยม
ข้อจำกัด: อุณหภูมิใช้งานสูงสุดมักต่ำกว่าซิลิโคนเคลือบ (ประมาณ 200°C - 300°C)
การใช้งาน: งานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงและการทนทานต่อการเสียดสี เช่น ท่ออ่อนส่งลม, ผ้าคลุมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อย
ผ้าใยแก้วเคลือบเวอร์มิคูไลต์ (Vermiculite Coated Fiberglass):
คุณสมบัติเด่น: ช่วยเพิ่มความสามารถในการทนอุณหภูมิสูงขึ้นไปอีกเล็กน้อย (อาจถึง 800°C - 1000°C+ ขึ้นอยู่กับเกรด), ทนทานต่อการกระแทกของสะเก็ดไฟได้ดี, มีความหนา
การใช้งาน: งานเชื่อมหนัก, ม่านกันความร้อนสูง
3. ผ้าซิลิก้า (Silica Fabric)
เป็นผ้ากันไฟที่ผลิตจากเส้นใยซิลิก้าบริสุทธิ์สูง
คุณสมบัติเด่น:
ทนอุณหภูมิได้สูงมาก: สามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 1,000°C ไปจนถึง 1,800°C หรือสูงกว่า (ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของซิลิก้า)
ทนทานต่อการกระเด็นของโลหะหลอมเหลว: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานเชื่อม/ตัดโลหะหนักที่มีประกายไฟร้อนจัดและโลหะหลอมเหลว
ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ: เป็นวัสดุอนินทรีย์ 100%
ข้อควรพิจารณา: ราคาสูงกว่าผ้าใยแก้วอย่างมีนัยสำคัญ
การใช้งานทั่วไป:
ผ้ากันสะเก็ดไฟงานเชื่อม/ตัดหนัก: ในอุตสาหกรรมเหล็ก, อู่ต่อเรือ
ม่านกันความร้อนหน้าเตาหลอม/เตาอบอุตสาหกรรม: ที่มีอุณหภูมิสูงมาก
ปะเก็นทนความร้อนสูง
4. ผ้าเซรามิกไฟเบอร์ (Ceramic Fiber Fabric)
ผลิตจากเส้นใยอลูมิเนียมซิลิเกตหรือเซรามิก
คุณสมบัติเด่น:
ทนอุณหภูมิได้สูงที่สุด: สามารถทนอุณหภูมิได้ถึง 1,260°C - 1,400°C หรือสูงกว่า
เป็นฉนวนความร้อนที่ดีเยี่ยม: มีค่าการนำความร้อนต่ำมาก
น้ำหนักเบา: เมื่อเทียบกับความสามารถในการทนความร้อน
ข้อควรพิจารณา: ราคาสูงมาก, อาจมีใยหลุดร่วงและระคายเคืองได้ (ควรใช้ PPE)
การใช้งานทั่วไป: งานฉนวนอุณหภูมิสูงมาก เช่น ผนังเตาอบอุตสาหกรรม, ฉนวนสำหรับอุปกรณ์ที่อุณหภูมิสูงจัด
5. ผ้าเส้นใยสังเคราะห์ทนไฟ (Inherently Fire-Resistant Synthetic Fabrics)
เป็นเส้นใยที่ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติติดไฟยากโดยธรรมชาติ
วัสดุที่นิยม: Nomex, Kevlar, Modacrylic, PBI
คุณสมบัติเด่น:
ทนไฟโดยธรรมชาติ: ไม่หลอมละลาย ไม่หยด ไม่ลามไฟเมื่อโดนความร้อน
น้ำหนักเบาและแข็งแรง: มีความทนทานต่อการฉีกขาดสูง
สวมใส่สบาย: ระบายอากาศได้ดี เหมาะสำหรับงานเสื้อผ้า
ข้อควรพิจารณา: ราคาสูงมาก
การใช้งานทั่วไป:
ชุดผจญเพลิง (Firefighter Suits):
ชุดป้องกันความร้อน/เปลวไฟสำหรับบุคลากร (FR PPE): ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ, งานไฟฟ้า
สรุป: การเลือกชนิดของผ้ากันไฟที่เหมาะสมควรพิจารณาจาก อุณหภูมิใช้งานสูงสุด เป็นอันดับแรก ตามด้วย ลักษณะการสัมผัสความร้อน (เปลวไฟ สะเก็ดไฟ การแผ่รังสี), ความต้องการด้านความปลอดภัยและสุขภาพ, ความทนทานทางกายภาพ, และ งบประมาณ เพื่อให้ได้ผ้ากันไฟที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานนั้นๆ ครับ
มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับผ้าชนิดใดเป็นพิเศษ หรือลักษณะการใช้งานที่ต้องการไหมครับ?