เครื่องฟอกอากาศกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอากาศรอบตัวแย่สุด ๆ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ แต่ถ้าจะให้เลือกยี่ห้อที่น่าสนใจ ก็อยากแนะนำให้รู้จัก
เครื่องฟอกอากาศ Sharp – Philips – Xiaomi ซึ่งบทความนี้จะมาแนะนำข้อมูลเพื่อการใช้งานตามต้องการ ว่าแต่จะมีรุ่นไหน น่าสนใจอย่างไร อยากรู้ก็ไปติดตามกันเลยดีกว่า
แนะนำรุ่นต่าง ๆ ของเครื่องฟอกอากาศน่าใช้งาน1. Sharp
- รุ่น FP-J80TA-H 62 ตารางเมตร มีความสามารถในการตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กของ PM 2.5 ได้ถึง 2.5 ไมครอน มีระบบพลาสม้าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น ที่จะพ้นอนุภาคบวกและลบออกมาเพื่อฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียได้ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น ความสว่าง และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ พร้อมไฟแสดงความสะอาดในอากาศให้รู้
- รุ่น FP-J30TA-A 23 ตารางเมตร ถูกดีไซน์ออกมาให้ใช้งานสะดวก หรูหรา มีระบบที่สามารถพ่นอนุภาคบวก และลบของพลาสม่าคลัสเตอร์ ฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค แบคทีเรีย รวมถึงไข้หวัดนก H2N ได้ ลดการเกิดไฟฟ้าสถิต ป้องกันสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น
- รุ่น KC-G60TA-W 50 ตารางเมตร ที่มีระบบเซ็นเซอร์ 6 ประเภทที่แม่นยำมาก จอแสดงผลด้วย Smart Display สามารถตั้งเวลาการเปิด – ปิด On / Off Timer ได้ตามต้องการ
2. Philips
- รุ่น AC2958/23 85 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศได้ในอนุภาคฝุ่นที่มีขาดเล็ก 0.009 ไมครอน โดยผ่ารแผ่นกรอง 3 ชั้น HEPA Filters และ AC integrated สามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ 330 ลบ.ม./ชม.
- รุ่น AC1215 63 ตารางเมตร
เครื่องฟอกอากาศ Philips มาพร้อมเทคโนโลยีแผ่นกรอง 3 ชั้น การฟอกอากาศแบบ VitaShield IPS จัดการฝุ่นอนุมภาคที่เล็กกว่า 20 นาโนเมตรได้ รวมถึงแบคทีเรียแบบ TVOC มี NanoProtect Pro ที่ความหนาแบบพิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพการกรองอากาศ
- รุ่น AC0820/20 49 ตารางเมตร เป็นการกรองด้วยระบบอัจฉริยะ ตรวจวัดคุณภาพและทำงานเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แสดงคุณภาพอากาศแบบสีเรียลไทม์ 4 ระดับ กำจัดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.003 ไมครอนได้ 99.5%
3. Xiaomi
- รุ่น XMI-FJY4013GL(PRO) 60 ตารางเมตร
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นนี้สามารถกรองฝุ่นได้ 2.5 ไอครอนสูงสุด 99.99% ตัวกรองเป็นแบบ 3 ขั้นตอน คือ HEPA-Filter, PET Pre-Filter และ Carbon-Filter สามารถเปลี่ยนไส้กรองได้ อายุใช้งาน 4,000 ชม. เป็นระบบ DC Brushless มอเตอร์คู่ 2 ใบพัด ดูดอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เข้าเครื่องไวมาก น้ำหนักเบา
หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่าทั้ง 3 ยี่ห้อ จะมีขนาดของตารางเมตรกำกับอยู่ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความสามารถเกี่ยวกับวิธีกรองอากาศตามขนาดห้องที่ทำได้ซึ่งแตกต่างออกไป จึงควรต้องรู้ขนาดห้องที่จะใช้งานเท่าไหร่แล้วเลือกให้เหมาะสม ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้เอาเครื่องไปวางไกล้วัตถุไวไฟ หรือที่อับชื้น เช่น ห้องน้ำเด็ดขาด ป้องกันการเกิดปัญหาทำให้ใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือพังชำรุดไว
