หากกล่าวถึงวัสดุที่จำเป็นสำหรับบ้าน
"สายไฟ" ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่ๆ เพราะแทบทุกบ้านในปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น ดังนั้น สายไฟจึงเป็นหนึ่งในวัสดุสำคัญสำหรับบ้านที่บอกเลยว่า "ขาดไม่ได้" ดังนั้น เมื่อเกิดการชำรุดหรือเกิดขาดขึ้นมา เราก็ต้องรีบทำการเปลี่ยนใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะหากไม่มีไฟใช้ซักวัน หลายๆ คนคงหงุดหงิดตายแน่ๆ ยิ่งช่วงหน้าร้อนด้วยแล้ว หากไม่มีไฟฟ้า ก็คงใช้พัดลมและเครื่องปรับอากาศไม่ได้ ซึ่งบอกเลยแท็บช็อค เพราะฉะนั้น บทความนี้จึงอยากเอาสาระดีๆ เกี่ยวกับการเลือกสายไฟมาฝากกัน พร้อมด้วยแหล่งสำหรับซื้อสายไฟด้วยครับ
1. รู้จักประเภทของสายไฟก่อนซื้อ อย่างแรกเลยคุณต้องรู้จักประเภทของสายไฟ่ก่อนเลยครับ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ สายแรงดันสูงกับต่ำ ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้มีลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน โดยหากคุณใช้ภายในบ้านก็ให้เลือแบบแรงดันต่ำ ส่วนถ้าภายนอกก็ให้เลือกแบบแรงดันสูง แต่โดยปกติแล้ว เราจะไม่ค่อยได้ซื้อแบบแรงดันสูงเสียเท่าไหร่
2. ใช้สายไฟขนาดเดิมดีที่สุด แรกเริ่มที่ช่างไฟติดตั้งสายให้เรานั้น เค้าได้กำหนดแล้วว่า บ้านของเราควรใช้สายขนาดไหน ดังนั้น คุณไม่ต้องคิดมากเลยครับสำหรับเรื่องขนาดสาย ให้ใช้สายขนาดเดิมนั้นแหละครับ ดีที่สุด แต่ถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ หาไม่ได้ ก็ให้เราลองหาสายที่มีขนาดไกล้เคียงกัน แต่อย่าให้เล็กเกินไป เพราะอาจจะรับแรงดันไฟไม่ไหว ซึ่งเราต้องระวังในเรื่องนี้ด้วยครับ
3. ซื้อสายไฟมาให้เหลือดีกว่าขาด เสียเงินมากกว่าเดิมหน่อยไม่กี่สิบบาท ดีกว่าต้องต่อสายไฟใหม่อีกรอบนะครับ เราควรซื้อสายมาให้ยาวกว่าที่ต้องการใช้จริงซัก 3-5 เมตร เพราะเวลาติดตั้งหรือใช้จริงนั้น สายอาจไม่พอได้ ซึ่งถ้าเราซื้อมาพอดีแล้วเกิดสายไม่พอ เราอาจจะต้องต่อสายใหม่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมันอาจก่อให้เกิดอันตรายในภายหลังได้ ดังนั้น อย่าเสียดายเงินเพียงเล็กน้อยแล้วต้องมาเสียเงินมากกว่าเดิมครับ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" คงเคยได้ยินสุภาษิตนี้กันนะครับ
และอย่างที่ได้บอกไว้ในข้างต้นว่า จะแนะนำแหล่งสำหรับซื้อให้ ก็ตามนี้เลยครับ :
จำหน่ายสายไฟฟ้าคุณภาพราคาไม่แพง | Electriccable