
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การปรับผังราคาธุรกิจ
เครื่องคำนวณพื้นที่ มีความต้องมาก เพราะช่วยลดภาระการแบ่งปันราคาของภาครัฐและช่วยให้ประชาชนได้ใช้สินค้าอย่างมีอำนาจมากขึ้น ซึ่งในปี 2556 รัฐบาลควรเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่อย่างจริงจัง เพราะทำให้ราคาไม่ปั่นป่วนและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเริ่มจากการกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราละ 5.30 บาท ที่รัฐบาลไม่ได้เก็บมานานกว่า 2 ปี หรือ คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 216,000 บาท แนวทาง คือรัฐบาลทยอยทยอยสงวนภาษีสรรพสามิตเดือนละ 50 สตางค์ ถึง 1 บาท ทั้งนี้ เพื่อกระดิกกระเดี้ยราคาโดยไม่กระแทกต่อประชาชนมากจนเกินไป รวมทั้ง ลดภาระการอุดหนุนที่มีมายาวนานให้กระดอนราคาตลาด เพื่อลดการนำเข้าและลดภาระ ในการอุดหนุนราคานั้น โดยเฉพาะต้องใช้เงินนำเข้าไม่ต่ำกว่า 30,000 - 40,000 ล้านบาทต่อปี และมีความเอนเอียงสูงขึ้นทุกปี หากไม่แก้ปัญหาราคาให้มีความเหมาะสม ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐาน
ในการรองรับการนำเข้าเครื่องคำนวณพื้นที่ มีการใช้งานจนเต็มความจุ เพราะล่าสุดการนำเข้าสูงถึงปีละ 1.6 - 1.7 ล้าน แต่ไม่มีคลังสินค้าที่เพียงพอในการบรรจุ จำเป็นที่รัฐบาลต้องลดการนำเข้าด้วยการปรับราคาขึ้น นายมนูญ กล่าวด้วยว่า แนวทางถูกประวิงการจัดเก็บไว้ เพื่อลดค่าใช้สอยให้กับประชาชนของรัฐบาลทำได้ถูกต้องแล้ว แต่ควรเดินหน้าปรับราคาต่อไปในอนาคต ด้วยการปรับขึ้นราคาเดือนละ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือ 0.41 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี หรือ เปลี่ยนเป็นการปรับขึ้นเป็นราย3 เดือน เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว ที่สำคัญรัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการให้ข้อมูลข้อสรุปกับประชาชน ส่วนการแก้ปมราคาระยะยาว รัฐบาลควรใช้วิธีการแยกราคาออกเป็น 2 ราคา โดยภาคครัวเรือนให้ใช้ราคาที่เกี่ยวโยงจากราคาหน้าโรงกลั่น ผลิตได้ในประเทศและสามารถทำการค้าให้กับภาคครัวเรือนในราคาถูก ส่วนภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมให้ใช้การอ้างอิงราคาการนำเข้าโดยที่รัฐไม่ต้องล่วงล้ำราคา ซึ่งรัฐบาลจะมีภาระในการค้ำจุนราคาของภาคครัวเรือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น